ข้อกำหนดการใช้งาน

การแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า"ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562"ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

เนื่องจากบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหน่วยลงทุน (“ท่าน”) ที่ได้มอบให้แก่บริษัทด้วยความไว้วางใจ และทางบริษัทมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อเป็นการรับรองสิทธิของบุคคลที่จะต้องได้รับความคุ้มครองเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (ประมวลผล) ข้อมูลส่วนบุคคล โดยเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งวิธีการเก็บรวบรวม ประมวลผล ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในส่วนที่เกี่ยวกับการให้บริการใดๆ ของบริษัทเกี่ยวกับ กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม หรือทรัสต์ (“กองทุน”) และธุรกรรมกองทุน และไม่ว่าจะมีการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีหรือไม่ก็ตาม บริษัทแนะนำให้ท่านโปรดอ่านเอกสารฉบับนี้เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

1. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัท

ในการเข้าถึงและใช้บริการของบริษัท จำเป็นที่ท่านต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุนได้ โดยข้อมูลดังกล่าวรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุในแบบคำขอเปิดบัญชีกองทุน เอกสารแสดงตัวตนอันเป็นเอกสารประกอบการขอเปิดบัญชี และข้อมูลด้านการเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร และ/หรือรูปภาพ และ/หรือรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

2. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ประมวลผลตามฐานสัญญา (Contract)

เมื่อท่านทำการเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุน หรือใช้บริการหรือทำธุรกรรมผ่านบริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุน จำเป็นที่ท่านต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท เพื่อที่บริษัทจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปประมวลผลเกี่ยวกับการเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุนและดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับธุรกรรมกองทุน รวมถึงการนำไปใช้เพื่อ คำนวณและให้สิทธิอันเกิดจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์ของท่าน ติดต่อสื่อสารกับท่าน ติดตามและแจ้งผลประโยชน์การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตอบข้อซักถาม และแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อันเป็นกรณีตามฐานสัญญาตามมาตรา 24(3) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ

ประมวลผลตามฐานความยินยอม (Consent)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อนำเสนอและแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ กิจกรรมทางการตลาดของบริษัท หรือเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรงเมื่อท่านให้ความยินยอม หากท่านประสงค์จะให้หรือถอนความยินยอมในการประมวลผลดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อบริษัทและแจ้งความประสงค์ได้ตามข้อ 9

ประมวลผลตามฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผลเพื่อการจัดการและการจัดทำรายงานภายในของบริษัท การดูแลรักษาระบบเพื่อการรักษามาตรฐานการให้บริการ รวมไปถึงการดำเนินการด้านภาษีและการจัดการความเสี่ยงของบริษัท อันเป็นกรณีฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 24(5) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ

ประมวลผลตามฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจกองทุน เช่น พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535, พ.ร.บ.ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550, พ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 และ พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เป็นต้น รวมทั้งกฎหมายที่ควบคุมการทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุน เช่น พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542, พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. 2485, กฎหมาย U.S Foreign Account Tax Compliance Act of 2010 (FATCA) และกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องอยู่ภายใต้บังคับกำหนดให้ส่งข้อมูล เช่น ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ให้อำนาจศาลสั่งให้คู่ความส่งเอกสารหรือข้อมูลในการพิจารณาคดี เป็นต้น อันเป็นกรณีฐานการปฏิบัติตามกฎหมายตามมาตรา 24(6) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก

บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักหรือวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปยังบุคคลดังต่อไปนี้

• ผู้แทน ตัวแทน ผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน ตัวกลาง และ/หรือ ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์อื่นซึ่งท่าน (และ/หรือร่วมกับผู้ลงทุนอื่น) หรือบริษัทเป็นผู้แต่งตั้ง

• ตัวแทน และผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทั้งนี้ เพื่อให้บุคคล และ/หรือ นิติบุคคลเหล่านี้ให้บริการแก่บริษัทและท่าน (เช่น บริษัทในเครือ ผู้สนับสนุนการขาย ผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุน สถาบันการเงิน พันธมิตรธุรกิจ ผู้มีวิชาชีพ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้บริการด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัทประกันภัย บริษัทผู้ทำหน้าที่ประสานงานในการเดินทางเพื่อการสัมมนา ผู้ทำหน้าที่จัดประชุม ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทที่ให้บริการบัตรเครดิต และ/หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการในต่างประเทศที่กองทุน (Feeder fund) ของบริษัทเข้าไปลงทุน และบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่บริษัทร่วมงานด้วยในการให้บริการอันเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และการให้บริการของบริษัท

• ในกรณีที่ท่านมีบัญชีร่วม หรือมีการลงทุนร่วมกับบุคคลหลายคนภายใต้บัญชีเดียวกัน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้มีบัญชีร่วมกับท่าน หรือบุคคลอื่นภายใต้บัญชีเดียวกัน

• คู่ค้า นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ และบุคคลอื่นๆ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของท่านที่ต้องการใช้บริการของบริษัท

• หน่วยงานกำกับ หน่วยงานของรัฐบาล หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บุคคลใดๆก็ตามที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลเท่าที่กฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือในกรณีเฉพาะอื่นๆ เช่น เป็นไปตามคำสั่งศาล

• เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามสัญญาหรือตามกฎหมายของบริษัท หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

• หน่วยงานหรือองค์กรในต่างประเทศ เพื่อเปิดเผยข้อมูลของท่าน ตามที่ได้รับการร้องขอ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และหน่วยงานหรือองค์กรดังกล่าวได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกำกับของประเทศไทย

• ผู้ที่สนใจลงทุนในบริษัทหรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าวในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลเชิงลึก ( due diligence purpose) ไม่ว่าจะเป็นการเข้าลงทุนร่วม หรือการขายธุรกิจหรือทรัพย์สินไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด

บริษัทไม่มีการทำการตลาดเพื่อบุคคลที่สาม และไม่มีการให้ข้อมูลแก่บุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาด

4. กระบวนการประมวลผลโดยระบบอัตโนมัติ

ภายใต้การได้รับความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการประมวลผลโดยระบบอัตโนมัติซึ่งจะมีผลต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือเพื่อการรวบรวมข้อมูลอื่นๆ เช่น รวบรวมข้อมูลเพื่อการตลาด หากท่านประสงค์จะเพิกถอนความยินยอมท่านสามารถติดต่อบริษัทเพื่อขอเพิกถอนการให้ความยินยอมของท่านได้ตามข้อ 9

5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่บริษัทได้มีการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (ประมวลผล) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารนี้ ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้

• สิทธิที่จะได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน, วิธีการเก็บรวบรวม, บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บ

• สิทธิในการเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ไม่ว่าโดยช่องทางใด

• สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง

• สิทธิในการขอให้ลบ ทำลาย ระงับการใช้ชั่วคราว ทำให้เป็นข้อมูลซึ่งไม่อาจระบุตัวตนได้

• สิทธิในการถอนความยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิในการจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิที่จะร้องเรียนต่อบริษัท หรือคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหากท่านเห็นว่าสิทธิใด ๆ ของท่านได้ถูกบริษัทละเมิด

การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการ ในกรณีที่ท่านขอให้บริษัท ลบ ทำลาย จำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว แปลงข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการแก่ท่านได้

การใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอสงวนสิทธิในการคิดค่าบริการใดๆที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการเข้าดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านร้องขอ

6. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ตามหลักการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นบริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้

• ฐานประมวลผลข้อมูลตามสัญญาและฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ท่านปิดบัญชีการซื้อขายหน่วยลงทุน

• ในกรณีที่พ้นระยะเวลาจัดเก็บ ทางบริษัทจะทำการลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

7. มาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีการจัดการที่เป็นรูปแบบเอกสาร (Hard Copy) รวมถึงด้านอิเล็กทรอนิกส์ และเทคนิคที่จะป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการเข้าถึงโดยมิได้รับอนุญาต บริษัทมีการควบคุมและกลไกที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับ และกู้ข้อมูลกลับคืนในกรณีเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้น

8. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจมีการปรับเปลี่ยน แก้ไขเป็นระยะๆ โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแสดงฉบับที่เป็นปัจจุบันไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท www.ktam.co.th

9. วิธีการติดต่อบริษัท

ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามข้อ 5 หรือให้ความยินยอมหรือถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ท่านสามารถติดต่อได้ที่ :

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทยจำกัด (มหาชน) สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 1 อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ชั้น 32 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 โทรศัพท์ 0-2686-6100

Email: [email protected] Website: www.ktam.co.th

หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นไปตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หนังสือฉบับนี้เป็นการแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้มีผลใช้บังคับในวันที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ