การแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า"ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหน่วยลงทุน (“ท่าน”) ที่ได้มอบให้แก่บริษัทด้วยความไว้วางใจ และเพื่อเป็นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในการรับรองสิทธิของบุคคลที่จะต้องได้รับความคุ้มครองเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (ประมวลผล) ข้อมูลส่วนบุคคล โดยประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งรายละเอียดในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในส่วนที่เกี่ยวกับการให้บริการใดๆ ของบริษัทเกี่ยวกับ กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม หรือทรัสต์ (“กองทุน”) และธุรกรรมกองทุน และไม่ว่าจะมีการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีหรือไม่ก็ตาม บริษัทแนะนำให้ท่านโปรดอ่านเอกสารฉบับนี้เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

1. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัท

ในการใช้บริการของบริษัทท่านมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุนได้ โดยข้อมูลดังกล่าวรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุในแบบคำขอเปิดบัญชีกองทุน เอกสารแสดงตัวตนอันเป็นเอกสารประกอบการขอเปิดบัญชี และข้อมูลด้านการเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร และ/หรือรูปภาพ และ/หรือรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

2. ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 ฐานสัญญา (Contract)

เมื่อท่านเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุน หรือใช้บริการหรือทำธุรกรรมผ่านบริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุน ท่านมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท เพื่อที่บริษัทจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปประมวลผลเกี่ยวกับการเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุนและดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับธุรกรรมกองทุน รวมถึงการนำไปใช้เพื่อ คำนวณและให้สิทธิอันเกิดจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์ของท่าน ติดต่อสื่อสารกับท่าน ติดตามและแจ้งผลประโยชน์การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตอบข้อซักถาม และแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

2.2 ฐานความยินยอม (Consent)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อนำเสนอและแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ กิจกรรมทางการตลาดของบริษัท หรือเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรงเมื่อท่านให้ความยินยอม

หากท่านประสงค์จะให้หรือถอนความยินยอมในการประมวลผลดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อบริษัทและแจ้งความประสงค์ได้ตามข้อ 9

2.3 ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผลเพื่อการจัดการและการจัดทำรายงานภายในของบริษัท การดูแลรักษาระบบเพื่อการรักษามาตรฐานการให้บริการ รวมไปถึงการดำเนินการด้านภาษีและการจัดการความเสี่ยงของบริษัท

2.4 ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะไม่ทำการประมวลผลข้อมูลอ่อนไหวทุกประเภท

อย่างไรก็ตาม ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือผู้ลงทุน และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นสิ้นสุด

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก

บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทแม่ และ/หรือ บริษัทในเครือ และ/หรือ บุคคลภายนอกเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักหรือวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปยังบุคคลดังต่อไปนี้

• ธนาคารกรุงไทย (บริษัทแม่) บริษัทในเครือ เช่น บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด (KTBGS) บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด (KTBCS) บริษัท กรุงไทยกฎหมาย จำกัด (KTBLAW) บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด บริษัท อะไรส์ บาย อินฟินิธัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) บริษัท กรุงไทยแอดไวซ์เซอร์รี่ จำกัด (KTBA) บริษัท กรุงไทย มิซูโฮ ลีสซิ่ง จำกัด บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) บริษัท เคทีซี นาโน จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (กรุงเทพฯ) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (ชลบุรี) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (ปทุมธานี) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (สมุทรปราการ) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (สมุทรสาคร) จำกัด บริษัท เคทีซี พรีเพด จำกัด บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน)

• ผู้แทน ตัวแทน ผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน ตัวกลาง และ/หรือ ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์อื่นซึ่งท่าน (และ/หรือร่วมกับผู้ลงทุนอื่น) หรือบริษัทเป็นผู้แต่งตั้ง

• ตัวแทน และผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทั้งนี้ เพื่อให้บุคคล และ/หรือ นิติบุคคลเหล่านี้ให้บริการแก่บริษัทและท่าน (เช่น บริษัทในเครือ ผู้สนับสนุนการขาย ผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุน สถาบันการเงิน พันธมิตรธุรกิจ ผู้มีวิชาชีพ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้บริการด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัทประกันภัย บริษัทผู้ทำหน้าที่ประสานงานในการเดินทางเพื่อการสัมมนา ผู้ทำหน้าที่จัดประชุม ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทที่ให้บริการบัตรเครดิต และ/หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการในต่างประเทศที่กองทุน (Feeder fund) ของบริษัทเข้าไปลงทุน และบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่บริษัทร่วมงานด้วยในการให้บริการอันเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และการให้บริการของบริษัท

• ในกรณีที่ท่านมีบัญชีร่วม หรือมีการลงทุนร่วมกับบุคคลหลายคนภายใต้บัญชีเดียวกัน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้มีบัญชีร่วมกับท่าน หรือบุคคลอื่นภายใต้บัญชีเดียวกัน

• คู่ค้า นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ และบุคคลอื่นๆ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของท่านที่ต้องการใช้บริการของบริษัท

• หน่วยงานกำกับ หน่วยงานของรัฐบาล หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บุคคลใดๆก็ตามที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลเท่าที่กฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือในกรณีเฉพาะอื่นๆ เช่น เป็นไปตามคำสั่งศาล

• สัญญา หรือ กองทุน ในต่างประเทศ เพื่อเปิดเผยข้อมูลของท่าน ตามที่ได้รับการร้องขอ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

• ผู้ที่สนใจลงทุนในบริษัทหรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าวในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลเชิงลึก ( due diligence purpose) ไม่ว่าจะเป็นการเข้าลงทุนร่วม หรือการขายธุรกิจหรือทรัพย์สินไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด

บริษัทไม่มีการทำการตลาดเพื่อบุคคลที่สาม และไม่มีการให้ข้อมูลแก่บุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาด เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

4. กระบวนการประมวลผลโดยระบบอัตโนมัติ

ภายใต้การได้รับความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการประมวลผลโดยระบบอัตโนมัติซึ่งจะมีผลต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือเพื่อการรวบรวมข้อมูลอื่นๆ เช่น รวบรวมข้อมูลเพื่อการตลาด หากท่านประสงค์จะเพิกถอนความยินยอมท่านสามารถติดต่อบริษัทเพื่อขอเพิกถอนการให้ความยินยอมของท่านได้ตามข้อ 9

5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่บริษัทได้มีการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (ประมวลผล) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารนี้ ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้

• สิทธิที่จะได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน, วิธีการเก็บรวบรวม, บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บ

• สิทธิในการเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ไม่ว่าโดยช่องทางใด

• สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง

• สิทธิในการขอให้ลบ ทำลาย ระงับการใช้ชั่วคราว ทำให้เป็นข้อมูลซึ่งไม่อาจระบุตัวตนได้

• สิทธิในการถอนความยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิในการจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิที่จะร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหากท่านเห็นว่าสิทธิใด ๆ ของท่านได้ถูกบริษัทละเมิด

การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการ ในกรณีที่ท่านขอให้บริษัท ลบ ทำลาย จำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว แปลงข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการแก่ท่านได้ และท่านจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทได้ในกรณีดังกล่าว เว้นแต่การเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับลูกค้าหรือผู้ลงทุน

การใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอสงวนสิทธิในการคิดค่าบริการใดๆที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการเข้าดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านร้องขอ

6. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

• ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ท่านปิดบัญชีการซื้อขายหน่วยลงทุน

• ในกรณีที่พ้นระยะเวลาจัดเก็บ ทางบริษัทจะทำการลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

7. มาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีการจัดการที่เป็นรูปแบบเอกสาร (Hard Copy) รวมถึงด้านอิเล็กทรอนิกส์ และเทคนิคที่จะป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการเข้าถึงโดยมิได้รับอนุญาต บริษัทมีการควบคุมและกลไกที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับ และกู้ข้อมูลกลับคืนในกรณีเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้น

8. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

ประกาศความเป็นส่วนตัวอาจมีการปรับเปลี่ยน แก้ไขเป็นระยะๆ โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว บริษัทจะแสดงฉบับที่เป็นปัจจุบันไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท www.ktam.co.th

9. วิธีการติดต่อบริษัท

ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามข้อ 5 หรือให้ความยินยอมหรือถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ท่านสามารถติดต่อได้ที่ : Email: [email protected]

หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นไปตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เวอร์ชั่น: กันยายน 2565

ข้าพเจ้ายอมรับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

วันที่ 22/11/2567

ข้อกำหนดและเงื่อนไขของการเปิดบัญชีกองทุนตามที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแบบฟอร์มการเปิดบัญชีกองทุน เพื่อซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่จัดตั้งและจัดการโดยบริษัทจัดการ

1. ข้าพเจ้ายืนยันว่าก่อนการลงทุนในแต่ละครั้งผู้ลงทุนได้รับทราบ/ศึกษาหนังสือชี้ชวน คู่มือผู้ลงทุน หรือเอกสารอื่นใดที่ใช้เกี่ยวกับการลงทุน และข้าพเจ้ามีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเป็นอย่างดี และทราบว่า

1.1. การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่เป็นการฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน

1.2. ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนและผู้แนะนำการลงทุนอิสระ มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามขั้นตอนการรับลูกค้าเพื่อให้คำแนะนำข้อมูลกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงการรับคำสั่งซื้อและ/หรือคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนแทนบริษัทจัดการเท่านั้น ทั้งนี้ หน้าที่ในการจัดสรรหน่วยลงทุนตามคำสั่งซื้อ และ/หรือ คำสั่งขายคืนหน่วยลงทุน เป็นหน้าที่ของบริษัทจัดการแต่เพียงผู้เดียว

2. บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะพิจารณารับหรือปฏิเสธแบบฟอร์มการเปิดบัญชีกองทุนของผู้ขอเปิดบัญชี โดยไม่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ แก่ผู้ขอเปิดบัญชีกองทุนนั้น

3. ในกรณีที่ข้าพเจ้าไม่สามารถดำเนินการตามที่บริษัทจัดการ / กองทุนกำหนด เช่น การนำส่งข้อมูล เอกสาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงข้อกำหนดของหนังสือชี้ชวน และเงื่อนไขการเปิดบัญชี ข้าพเจ้าตกลงให้บริษัทจัดการระงับการให้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีกองทุนรวมของข้าพเจ้า รวมถึงการปิดบัญชีกองทุนรวม และ/หรือดำเนินการขายคืนหน่วยลงทุนเพื่อปิดบัญชีกองทุนรวมของข้าพเจ้าได้ โดยข้าพเจ้าตกลงที่จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากบริษัทจัดการในการดำเนินการดังกล่าว

4. ในกรณีที่ข้าพเจ้าได้เปิดบัญชีกับบริษัทจัดการแล้ว บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธการจองซื้อ การซื้อหรือการขายคืนหน่วยลงทุนตามใบคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน ใบคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุน หรือคำสั่งอื่นใดของผู้สั่งซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะชี้แจงเหตุผลแก่ผู้สั่งซื้อหรือผู้ลงทุนตามสมควร และบริษัทจัดการมีสิทธิกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์และนโยบายของกองทุน และสิทธิ และหน้าที่ของบริษัทจัดการที่ระบุไว้ในโครงการ และหนังสือชี้ชวนของกองทุนเปิดที่เกี่ยวข้องที่จัดตั้งขึ้น และจัดการโดยบริษัทจัดการ

5. กรณีบัญชีร่วม 2 คน บริษัทถือว่าบุคคลทั้ง 2 มีสิทธิในฐานะผู้สั่งซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุนหรือผู้รับเงินที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน หรือ ผู้รับเงินปันผล (ถ้ามี) ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องระบุเงื่อนไขการลงนามในแบบฟอร์มการเปิดบัญชีและผู้เปิดบัญชีร่วมทุกรายต้องลงนามรับรองข้อมูลในแบบฟอร์มการเปิดบัญชีดังกล่าว

6. บริษัทจัดการและ/หรือผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนเปิด จะไม่รับประกันอัตราผลตอบแทนของกองทุนเปิดใดๆ ต่อผู้ลงทุน และผู้ลงทุน ไม่ควรนำผลงานในอดีตของบริษัทจัดการมาเป็นเกณฑ์ในการคาดหมายหรือกำหนดผลงานในอนาคตของบริษัทจัดการ

7. บริษัทจัดการมีสิทธิที่จะซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดจากผู้ลงทุนรายใดที่ถือหน่วยลงทุนในบัญชีกองทุนเปิดใด ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่ามูลค่าขั้นต่ำของการดำรงหน่วยลงทุนที่กำหนดไว้ได้

8. ในกรณีที่บัญชีกองทุนไม่มีมูลค่าคงเหลือในบัญชี และบัญชีนั้นไม่มีการติดต่อขอใช้บริการเป็นเวลานานติดต่อกันเกิน 1 ปี บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะพิจารณาปิดบัญชีดังกล่าว โดยไม่ต้องแจ้งให้เจ้าของบัญชีทราบ

9. ข้าพเจ้ารับทราบว่า การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่ลงทุนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 กองทุนรวมเพื่อการออม ไม่สามารถนำไปจำหน่าย จ่ายโอน จำนำ หรือนำไปเป็นประกันได้ และข้าพเจ้าได้อ่านและเข้าใจโดยตลอดถึงข้อความที่ปรากฏอยู่ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการออม แล้วแต่กรณีและรับทราบว่าบริษัทจัดการมิได้เป็นผู้ให้คำแนะนำ หรือให้คำปรึกษาด้านภาษีแก่ผู้ลงทุน

10. การแจ้ง การติดต่อ การส่งหนังสือบอกกล่าว และ/หรือ เอกสารอื่นใด ที่จะติดต่อหรือส่งให้แก่ข้าพเจ้า ให้บริษัทจัดการสามารถติดต่อด้วยวิธีใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล์ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหรือไม่ลงทะเบียนก็ตาม หรือให้คนนำไปส่งเอง หรือการติดต่อสื่อสารด้วยวิธีอื่นใด ตามข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้แจ้งเป็นหนังสือไว้เป็นครั้งหลังสุด ให้ถือว่าได้ส่งให้แก่ข้าพเจ้าแล้วโดยชอบ โดยไม่คำนึงว่าลูกค้าจะเป็นผู้รับไว้ด้วยตนเองหรือมีผู้อื่นรับไว้แทนหรือไม่ก็ตาม และในกรณีที่ภายหลังบริษัทจัดการ มีการติดต่อข้าพเจ้าตามข้อมูลการติดต่อที่ผู้ลงทุนให้ไว้เพื่อแจ้งยืนยันหรือปรับปรุงข้อมูล หากข้าพเจ้าไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือตอบกลับตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่บริษัทจัดการกำหนด ถือว่าข้าพเจ้ายืนยันตามข้อมูลที่บริษัทจัดการมีอยู่ครั้งหลังสุด

11. เพื่อให้บริษัทจัดการ (รวมถึงกองทุนทุกกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัทจัดการ) ผู้สนับสนุนการขายฯ และผู้เกี่ยวข้องกับกองทุน สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ (รวมถึงกฎหมาย FATCA และกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง) ได้ และเพื่อเป็นการลดขั้นตอนที่ผู้ลงทุนจะต้องนำส่งเอกสารข้อตกลงอันเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ลงทุน ข้อมูล คำยืนยัน และคำยินยอมใดๆ เกี่ยวกับการแสดงตนและการเปิดเผยข้อมูล/หัก ณ ที่จ่าย (รวมถึงเอกสาร FATCA Form และเอกสารที่อ้างถึงใน FATCA Form) ให้กับบุคคลดังกล่าวข้างต้นเป็นรายๆ ไป ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของการเปิดบัญชีกองทุนนี้ หากข้าพเจ้าให้หรือจะให้เอกสารและข้อมูลแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งข้างต้น ข้าพเจ้าตกลงและยินยอมให้บุคคลดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดรวมถึงตัวแทนมีสิทธิใช้เอกสารและข้อมูลดังกล่าวเสมือนหนึ่งว่า ข้าพเจ้าได้มอบเอกสารและข้อมูลนั้นกับบุคคลดังกล่าวทุกราย และให้บุคคลดังกล่าวทุกรายสามารถนำส่ง/ใช้เอกสารและข้อมูลนั้นระหว่างกันได้ ทั้งนี้ บริษัทจัดการและ/หรือบุคคลแต่ละรายข้างต้นสงวนสิทธิในการขอเอกสารและข้อมูลเพิ่มเติมจากข้าพเจ้าในภายหลังได้

12. ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมาย ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งของหน่วยงานราชการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีผลกระทบต่อการให้บริการของบริษัทจัดการตามข้อกำหนดและเงื่อนไข บริษัทจัดการมีสิทธิทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขนี้เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร โดยบริษัทจัดการจะแจ้งให้ทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทจัดการที่ www.ktam.co.th และ/หรือ ช่องทางอื่นใดที่บริษัทจัดการกำหนด

13. ข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในข้อใดที่ไม่สมบูรณ์ หรือเป็นโมฆะ ให้ถือว่าไม่มีผลกระทบต่อข้อกำหนดหรือเงื่อนไขข้ออื่น โดยให้ข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในข้ออื่นยังมีผลใช้บังคับต่อไป

14. ข้าพเจ้าตกลงและรับทราบว่า กรณีที่ข้าพเจ้าเป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ("ธนาคาร") เพื่อความสะดวกในการเปิดบัญชีกองทุนกับบริษัทจัดการ ข้าพเจ้าขอแจ้งความประสงค์ในการใช้บริการจากธนาคารเพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของข้าพเจ้าให้แก่บริษัทจัดการ และก่อนที่จะใช้บริการดังกล่าว ธนาคารจำเป็นต้องดำเนินการพิสูจน์ก่อนว่า ข้าพเจ้าเป็นลูกค้าธนาคารและมีข้อมูลเพียงพอสำหรับดำเนินการตรวจสอบและยืนยันตัวตนดังกล่าวหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงตกลงให้ธนาคาร และบริษัทจัดการสามารถเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และโอนข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าระหว่างกัน เพื่อการตรวจสอบ ดังกล่าวได้ ทัังนี้ ข้าพเจ้าได้รับทราบนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล (privacy policy) ของธนาคารแล้ว ตามที่ปรากฎใน https://krungthai.com/th/content/privacy-policy หรือช่องทางอื่นตามที่ธนาคารกำหนด

ข้าพเจ้ายอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไข ข้าพเจ้ายอมรับ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหน่วยลงทุน (“ท่าน”) ที่ได้มอบให้แก่บริษัทด้วยความไว้วางใจ และเพื่อเป็นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในการรับรองสิทธิของบุคคลที่จะต้องได้รับความคุ้มครองเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (ประมวลผล) ข้อมูลส่วนบุคคล โดยประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งรายละเอียดในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในส่วนที่เกี่ยวกับการให้บริการใดๆ ของบริษัทเกี่ยวกับ กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม หรือทรัสต์ (“กองทุน”) และธุรกรรมกองทุน และไม่ว่าจะมีการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีหรือไม่ก็ตาม บริษัทแนะนำให้ท่านโปรดอ่านเอกสารฉบับนี้เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

1. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัท

ในการใช้บริการของบริษัทท่านมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุนได้ โดยข้อมูลดังกล่าวรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุในแบบคำขอเปิดบัญชีกองทุน เอกสารแสดงตัวตนอันเป็นเอกสารประกอบการขอเปิดบัญชี และข้อมูลด้านการเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร และ/หรือรูปภาพ และ/หรือรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

2. ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 ฐานสัญญา (Contract)

เมื่อท่านเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุน หรือใช้บริการหรือทำธุรกรรมผ่านบริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุน ท่านมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท เพื่อที่บริษัทจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปประมวลผลเกี่ยวกับการเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุนและดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับธุรกรรมกองทุน รวมถึงการนำไปใช้เพื่อ คำนวณและให้สิทธิอันเกิดจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์ของท่าน ติดต่อสื่อสารกับท่าน ติดตามและแจ้งผลประโยชน์การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตอบข้อซักถาม และแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

2.2 ฐานความยินยอม (Consent)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อนำเสนอและแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ กิจกรรมทางการตลาดของบริษัท หรือเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรงเมื่อท่านให้ความยินยอม

หากท่านประสงค์จะให้หรือถอนความยินยอมในการประมวลผลดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อบริษัทและแจ้งความประสงค์ได้ตามข้อ 9

2.3 ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผลเพื่อการจัดการและการจัดทำรายงานภายในของบริษัท การดูแลรักษาระบบเพื่อการรักษามาตรฐานการให้บริการ รวมไปถึงการดำเนินการด้านภาษีและการจัดการความเสี่ยงของบริษัท

2.4 ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะไม่ทำการประมวลผลข้อมูลอ่อนไหวทุกประเภท

อย่างไรก็ตาม ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือผู้ลงทุน และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นสิ้นสุด

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก

บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทแม่ และ/หรือ บริษัทในเครือ และ/หรือ บุคคลภายนอกเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักหรือวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปยังบุคคลดังต่อไปนี้

• ธนาคารกรุงไทย (บริษัทแม่) บริษัทในเครือ เช่น บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด (KTBGS) บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด (KTBCS) บริษัท กรุงไทยกฎหมาย จำกัด (KTBLAW) บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด บริษัท อะไรส์ บาย อินฟินิธัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) บริษัท กรุงไทยแอดไวซ์เซอร์รี่ จำกัด (KTBA) บริษัท กรุงไทย มิซูโฮ ลีสซิ่ง จำกัด บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) บริษัท เคทีซี นาโน จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (กรุงเทพฯ) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (ชลบุรี) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (ปทุมธานี) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (สมุทรปราการ) จำกัด บริษัท เคทีซี พิโก (สมุทรสาคร) จำกัด บริษัท เคทีซี พรีเพด จำกัด บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน)

• ผู้แทน ตัวแทน ผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน ตัวกลาง และ/หรือ ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์อื่นซึ่งท่าน (และ/หรือร่วมกับผู้ลงทุนอื่น) หรือบริษัทเป็นผู้แต่งตั้ง

• ตัวแทน และผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทั้งนี้ เพื่อให้บุคคล และ/หรือ นิติบุคคลเหล่านี้ให้บริการแก่บริษัทและท่าน (เช่น บริษัทในเครือ ผู้สนับสนุนการขาย ผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุน สถาบันการเงิน พันธมิตรธุรกิจ ผู้มีวิชาชีพ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้บริการด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัทประกันภัย บริษัทผู้ทำหน้าที่ประสานงานในการเดินทางเพื่อการสัมมนา ผู้ทำหน้าที่จัดประชุม ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทที่ให้บริการบัตรเครดิต และ/หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการในต่างประเทศที่กองทุน (Feeder fund) ของบริษัทเข้าไปลงทุน และบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่บริษัทร่วมงานด้วยในการให้บริการอันเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และการให้บริการของบริษัท

• ในกรณีที่ท่านมีบัญชีร่วม หรือมีการลงทุนร่วมกับบุคคลหลายคนภายใต้บัญชีเดียวกัน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้มีบัญชีร่วมกับท่าน หรือบุคคลอื่นภายใต้บัญชีเดียวกัน

• คู่ค้า นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ และบุคคลอื่นๆ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของท่านที่ต้องการใช้บริการของบริษัท

• หน่วยงานกำกับ หน่วยงานของรัฐบาล หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บุคคลใดๆก็ตามที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลเท่าที่กฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือในกรณีเฉพาะอื่นๆ เช่น เป็นไปตามคำสั่งศาล

• สัญญา หรือ กองทุน ในต่างประเทศ เพื่อเปิดเผยข้อมูลของท่าน ตามที่ได้รับการร้องขอ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

• ผู้ที่สนใจลงทุนในบริษัทหรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าวในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลเชิงลึก ( due diligence purpose) ไม่ว่าจะเป็นการเข้าลงทุนร่วม หรือการขายธุรกิจหรือทรัพย์สินไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด

บริษัทไม่มีการทำการตลาดเพื่อบุคคลที่สาม และไม่มีการให้ข้อมูลแก่บุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาด เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

4. กระบวนการประมวลผลโดยระบบอัตโนมัติ

ภายใต้การได้รับความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการประมวลผลโดยระบบอัตโนมัติซึ่งจะมีผลต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือเพื่อการรวบรวมข้อมูลอื่นๆ เช่น รวบรวมข้อมูลเพื่อการตลาด หากท่านประสงค์จะเพิกถอนความยินยอมท่านสามารถติดต่อบริษัทเพื่อขอเพิกถอนการให้ความยินยอมของท่านได้ตามข้อ 9

5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่บริษัทได้มีการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (ประมวลผล) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารนี้ ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้

• สิทธิที่จะได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน, วิธีการเก็บรวบรวม, บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บ

• สิทธิในการเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ไม่ว่าโดยช่องทางใด

• สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง

• สิทธิในการขอให้ลบ ทำลาย ระงับการใช้ชั่วคราว ทำให้เป็นข้อมูลซึ่งไม่อาจระบุตัวตนได้

• สิทธิในการถอนความยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิในการจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• สิทธิที่จะร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหากท่านเห็นว่าสิทธิใด ๆ ของท่านได้ถูกบริษัทละเมิด

การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการ ในกรณีที่ท่านขอให้บริษัท ลบ ทำลาย จำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว แปลงข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการแก่ท่านได้ และท่านจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทได้ในกรณีดังกล่าว เว้นแต่การเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับลูกค้าหรือผู้ลงทุน

การใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอสงวนสิทธิในการคิดค่าบริการใดๆที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการเข้าดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านร้องขอ

6. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

• ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ท่านปิดบัญชีการซื้อขายหน่วยลงทุน

• ในกรณีที่พ้นระยะเวลาจัดเก็บ ทางบริษัทจะทำการลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

7. มาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีการจัดการที่เป็นรูปแบบเอกสาร (Hard Copy) รวมถึงด้านอิเล็กทรอนิกส์ และเทคนิคที่จะป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการเข้าถึงโดยมิได้รับอนุญาต บริษัทมีการควบคุมและกลไกที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับ และกู้ข้อมูลกลับคืนในกรณีเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้น

8. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

ประกาศความเป็นส่วนตัวอาจมีการปรับเปลี่ยน แก้ไขเป็นระยะๆ โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว บริษัทจะแสดงฉบับที่เป็นปัจจุบันไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท www.ktam.co.th

9. วิธีการติดต่อบริษัท

ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามข้อ 5 หรือให้ความยินยอมหรือถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ท่านสามารถติดต่อได้ที่ : Email: [email protected]

หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นไปตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เวอร์ชั่น: กันยายน 2565