 
            เกี่ยวกับเรา
    เกี่ยวกับเรา         กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่นายจ้าง (ผู้ประกอบการ) และลูกจ้าง (พนักงาน) จัดตั้งขี้นด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันให้กับพนักงานในยามเกษียณอายุหรือออกจากงาน โดยพนักงานจะจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2 แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของค่าจ้าง เรียกว่า “เงินสะสม” รวมกับเงินจากนายจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เรียกว่า “เงินสมทบ” 
       
       โดยจะต้องมีคณะกรรมการซึ่งมาจากความยินยอมของทั้งสองฝ่ายเพื่อมาควบคุม และหาบริษัทจัดการที่ทำหน้าที่บริหารเงินกองทุนก้อนดังกล่าว โดยทำสัญญาว่าจ้างจากนั้นนำไปจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พร้อมทั้งบริหารจัดการเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และรายงานผลการดำเนินงานกองทุนให้ทราบเป็นระยะ ๆ 
 
วัตถุประสงค์หลัก
• เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับพนักงาน และเป็นหลักประกันเมื่อยามเกษียณหรือออกจากงาน
• เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
• เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมระยะยาว 
ประโยชน์ที่ได้รับในการจัดตั้งกองทุน
ประโยชน์สำหรับนายจ้าง
• เป็นการเพิ่มแรงจูงใจให้กับพนักงานในการทำงาน
• เป็นสวัสดิการที่ดีให้กับพนักงาน
• นายจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จากเงินสมทบที่จ่ายเข้ากองทุน โดยสามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้
ประโยชน์สำหรับลูกจ้าง / พนักงาน เมื่อสมัครเป็นเสมาชิกกองทุน
• เสมือนได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากเงินสมทบที่นายจ้างจ่ายให้
• เป็นสวัสดิการเงินได้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อออกจากงานหรือเกษียณอายุ
• เป็นหลักประกันให้กับชีวิตและครอบครัวกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต
• เงินกองทุนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อสมาชิกสิ้นสุดสมาชิกภาพทุกกรณี จะได้รับเงินสะสม และผลประโยชน์เงินสะสมเต็ม 
  จำนวน และอยู่นอกเหนือเหตุแห่งการบังคับคดีทั้งปวง
• เป็นโอกาสออมเงินให้กับตนเองและครอบครัว
• เงินออมอยู่ภายใต้การบริหารของมืออาชีพ
• สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อเป็นสมาชิกกองทุน ดังนี้
               - จากการลงทุนของสมาชิก สมารถนำเงินสะสมไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี
               - รายได้จากการลงทุนได้รับการยกเว้นไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
               - เมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพ เงินได้ที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถนำไปลดหย่อน หรือยกเว้นภาษีเงินได้ ตามเหตุของการสิ้นสุดสมาชิกภาพ เช่น ลาออกจากงานโดย ณ วันที่ลาออกมีอายุงานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จะได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี หรือกรณีลาออกจากงานเมื่ออายุตัว 55 ปี บริบูรณ์ และเป็นสมาชิกกองทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จะได้รับการยกเว้นภาษีทั้งจำนวน เป็นต้น 

2. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรุงไทย มาสเตอร์ พูล ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว (เน้นการลงทุนตรง)

     • จัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 
     • มีระบบที่มีประสิทธิภาพ และมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
     • มีระบบการจัดเก็บข้อมูล และระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
     • กรณีสมาชิกสิ้นสมาชิกภาพ สามารถจ่ายเช็คภายใน 5 วันทำการ นับจากวันคำนวณจำนวนหน่วย
     • กรรมการกองทุนสามารถตรวจสอบสถานะเงินกองทุน รวมถึงรายงานต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
     • สมาชิกสามารถตรวจสอบยอดเงินกองทุน ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ด้วยตนเองผ่านทาง website
     • ติดต่อสอบถามข้อมูล email: [email protected]      
บริการอื่น ๆ 
- ดำเนินการแจ้งจดทะเบียนกองทุนกับ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 
- ประสานงานและให้คำปรึกษาลูกค้าในเรื่องการร่างข้อบังคับกองทุนให้ถูกต้องและสอดคล้องกับ พรบ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- ช่วยประสานงานกับบริษัทต่างๆในเครือธนาคารกรุงไทยในด้านการให้บริการทางการเงินพิเศษอื่นๆ เช่น การทำประกันภัย, การทำบัตรเครดิต ฯลฯ
 ข่าวประชาสัมพันธ์และสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกกองทุน
      ข่าวประชาสัมพันธ์และสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกกองทุน     
        ข้าพเจ้าได้อ่านและยอมรับเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ข้างต้นแล้ว
ตามที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฟผ. ยกเลิกสัญญากับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนนโยบายตราสารทุน และกระจายพอร์ตการลงทุนให้กับพอร์ตของ บลจ, เอ็มเอฟซี (2) บลจ.ไทยพาณิชย์ และ บลจ.ไทยพาณิชย์ (2) โดยจะมีผลในวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 นั้น
จากข้อจำกัดของระบบทะเบียนสมาชิก ทำให้ในการดำเนินการกระจายพอร์ตการลงทุนนโยบายตราสาร ทุนจะกระทบต่อการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนของสมาชิก ดังนี้
| รายการ | วันที่ | |
|---|---|---|
| 1. | ระบบจะแสดงวันที่การปรับสัดส่วนมีผล (วันคำนวณจำนวนหน่วย) ให้สมาชิกเลือก | ถึงวันที่ 21 เมษายน 2566 เท่านั้น | 
| 2. | วันสุดท้ายในการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายตราสารทุนต่างประเทศ | วันที่ 19 เมษายน 2566 ภายในเวลา 15.00 น. | 
| 3. | วันสุดท้ายในการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายตราสารทุนต่างประเทศ | วันที่ 21 เมษายน 2566 ภายในเวลา 15.00 น. | 
| 4. | การเข้าทำรายการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนได้ตามปกติ | วันที่ 24 เมษายน 2566 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป | 
 
             
          